หัวใจที่สำคัญที่สุดของอาหารอิตาเลียนคือวัตถุดิบที่สดใหม่ จะดีแค่ไหนหากเราได้กินอาหารอิตาเลียนที่ปรุงด้วยวัตถุดิบที่ไม่ต้องนำเข้า หากแต่เป็นผลิตผลที่อยู่ในแผ่นดินไทย ปลูกในเชียงใหม่ ไม่ต้องใช้เวลาเดินทางมากมาย แต่ละอย่างยังคงได้รส และกลิ่นอายของแสงแดด ลม ฟ้าอากาศของเมืองไทย ในครั้งนี้ได้มาพูดคุยกับเชฟภูเบศวร์ ชูประคอง หัวเรือใหญ่เรื่องการครัวของ Italics ในโรงแรม Akyra จึงได้สัมผัสรสสดแท้แห่งวัตถุดิบไทยที่อยู่ในอาหารอิตาเลียน ได้อย่างแนบเนียน อยู่ร่วมกับวัตถุดิบนำเข้าได้อย่างไม่เคอะเขิน ออกมาเป็นอาหารอิตาเลียนในแบบของ Italics ที่มีรสชาติไม่เหมือนใคร
ดังนั้นก่อนที่จะเริ่มทำงานครัวงานหลักของเชฟคือการเฟ้นหาวัตถุดิบที่เขาเห็นว่าดีและเหมาะสมตามฤดูกาล เชฟเล่าให้ฟังว่า “หัวใจของทุกอาหารคือต้องใช้วัตถุดิบที่ดี ถ้าจะต้องซื้อ ก็ต้องเลือกจาก supplier ที่ไว้ใจได้ โดยจะต้องไปทำความรู้จักกันก่อน รู้จักลักษณะนิสัย ตัวตน เป็นอย่างไรเพราะมีผลที่จะถ่ายทอดมาถึงผลผลิต จึงจะมั่นใจในการซื้อขายกัน แต่ถ้าเป็นสิ่งทำเองได้ก็จะ ผลิตเองให้ได้มากที่สุด เช่น ซอส, พาสต้า แป้งพิซซ่า ขนม เราทำแบบโฮมเมดเป็นส่วนใหญ่ “
‘ถ้าวัตถุดิบไหนที่เป็นของไทยและรสชาติโดดเด่นอยู่แล้วเราก็ชูรสชาติของมันไปเลยว่าของไทยรสชาติแบบนี้นะ ไม่จำเป็นต้องปรับหรือทำให้เหมือนกับของที่ import เช่น มะเขือเทศเชอรี่, อโวคาโด, ชีส’
ด้วยความตั้งใจที่จะนำรสชาติของผลผลิตไทยจับมาใส่ในอาหารอิตาเลียน ทำให้อาหารของเชฟภูเบศวร์ เรียกว่าเป็น Innovative Italian Cuisine หรือ แนวอิตาเลี่ยนสร้างสรรค์ โดยใช้วิธีการทำอาหารแบบอิตาเลี่ยน ผสมกับวัตถุดิบที่หาได้ในท้องถิ่นได้มากที่สุด และทำออกมาเป็นอาหารจานใหม่ โดยส่วนตัวของเชฟเองชอบใช้ผลไม้ไทยใส่ลงไปในอาหาร เช่น สัปะรด, มะละกอ, มะม่วง, ทับทิม.เสาวรส เป็นต้น หลักการของเชฟอีกอย่างคือ การทำเตรียมอาหารของครัวที่นี่คือ จะเตรียมไว้ครั้งละไม่มาก เพื่อความสดใหม่ในทุกๆ จาน
สำหรับจานแนะนำของที่นี่ นอกจากจะมี Buratta สลัดในภาพด้านบนแล้ว ยังมีพิซซ่าที่ทำแป้งพิซซ่า และซอสใหม่ทุกวัน อบด้วยเตาฟืนแท้ๆ จึงได้กลิ่นหอมควันไฟ กลิ่นของไม้ เป็นเสน่ห์ของพิซซ่าที่นี่ ที่สำคัญ Signature ของครัว Italics คือ Homemade potato Gnocchi with truffle sauce เป็นจานที่คิดขึ้นมาใหม่สำหรับที่นี่ ความหอมมันของตัวย้อคกี้และซอสสูตรเฉพาะ เป็นสิ่งที่มัดใจลูกค้า บางคนถึงขั้นที่มากินที่นี่ที่เดียวเพราะถูกใจมากๆ และไม่สามารถไปสั่งที่ไหนได้
ก่อนจากห้องอาหาร Italics เพื่อไป ดื่มด่ำกับบรรยากาศ ยามเย็นต่อ ที่ Rise Bar ชั้น ดาดฟ้าของโรงแรม เชฟก็ทิ้งท้ายไว้กับเราว่า
‘ความใส่ใจ ลงไปในการบริการและอาหารทุกจาน เชื่อว่าคนที่มากินจะสัมผัสได้ ถึงความตั้งใจ ไม่ใช่แค่ ไปกินอาหารใน โรงแรมและจ่ายแพงกว่า แต่การมาItalics คือการได้รับประสบการณ์ ที่ดี ครบ บริการที่ไม่ปล่อยให้ใครกลับไปโดยไม่มีความสุข อาหารที่ตั้งใจทำให้คุ้มค่ากับราคาที่จ่ายมาจริงๆ’
ดูภาพ นิ่งกันไปแล้ว มาดูภาพเคลื่อนไหวกันบ้างดีกว่าค่ะ
เริงใจที่ Rise Bar
อิ่มหมีพีมันกันจาก Italics ดีแล้วก็เดินขึ้นไปกินลมชมวิว นั่งรอดูพระอาทิตย์ตกดิน บนดาดฟ้าของโรงแรม จิบเครื่องดื่มเย็นๆ ฟังเพลงเบาๆ แม้ว่าจะอยู่ในช่วงฤดูร้อน แต่วันที่ไปนั้นโชคดีมากๆ อากาศดีลมฟ้าปลอดโปร่ง ทำให้เรามองเห็นดอยสุเทพได้เต็มๆ เห็นบรรยากาศดีมากๆ เลยเดินเลาะเล่นริมสระน้ำล้น ถ่ายภาพสวยๆ มาฝาก บาร์ของที่นี่เล็กดีรสโต ขนาดกระทัดรัดแต่ทำเครื่องดื่มได้หลากหลาย ในส่วนของกินแก้เหงาปากนั้นก็สั่งมาจากด้านล่าง ส่วนใหญ่เป็น เมนูกรุบกริบ แบบ ทาปาส
ขอบอกว่า การมานั่งที่นี่ นั้นเปลืองเบียร์ เปลืองค็อกเทลมาก บรรยากาศพาแก้วรั่วจริงๆ ก่อนที่บาร์จะเริ่มวุ่นวาย เราเลยได้มีโอกาสคุยกับ Mixologist ของที่นี่ คือคุณโต้ง พรเทพ สิงห์สนิท นักผสมเครื่องดื่มที่มีรสมือดี ทำให้ใครๆ หลายคนติดใจ จากไปแล้วก็ต้องกลับมาเกาะหน้าบาร์อีก คุณโต้งเล่าให้เราฟังว่า
‘ผมเริ่มต้นทำงานบริการในร้านอาหารแล้วชอบทำเครื่องดื่ม เลยหาประสบการณ์ไปเรื่อยๆ ด้วยความที่ผมทำงานบริการที่เกี่ยวข้องกับนักท่องเที่ยว มาโดยตลอด ผมก็เลยรู้ว่าคนที่มาดื่มเขาต้องการอะไร’
เครื่องดื่มแนะนำของที่นี่ได้แก่ CNX Pina Colada, Passion Amaretto และ One night in Chiang Mai ส่วนเมนูอื่นๆ ที่เป็นที่ชื่นชอบได้แก่ Akyra G&T ใช้ iron ball ที่เป็น Local gin และใช้ premium Fentimans Tonic นอกเหนือจากเครื่องดื่มผสมแล้ว ก็อยากให้ลอง Single Malt ของ Balvenie Caribbean Cask 14ปี จิบไปดูพระอาทิตย์ตกดินไป ให้อารมณ์ชวนฝันมากๆ สำหรับคอไวน์ ที่นี่ก็มี Wine Selection ที่ดีงามจากทั่วโลกค่ะ
