Comfort Place – Comfort Food
Beef chili, chorizo, ไข่น้ำ, cottage cheese และ baguettes รวมอยู่ในที่เดียวกันได้อย่างไร แต่แปลกที่รสชาติมันกลมกล่อมและเข้ากันอย่างบอกไม่ถูก
เทรนด์ร้านอาหารเมื่อปีที่แล้ว ทำให้เกิดร้านแนว Barn & Farm ขึ้นมากมาย แต่ส่วนใหญ่จะเน้นที่การตกแต่งมากกว่าผนวกเรื่องอาหารเข้าไปด้วย มาถึงปีนี้กระแสอาหารของโลกที่เรียกว่า ‘Farm to Table’ ยังคงไม่หายไปไหน อาหารสดจากฟาร์ม และอาหารที่ผลิตเองตามฤดูกาลในท้องถิ่น ทำให้ผู้บริโภคได้รับประทานอาหารที่สด ใหม่ มีคุณค่า ยังคงมาแรง รวมไปถึงกระแส Comfort food อาหารพื้นๆ บ้านๆที่่ เรียบง่าย รสชาติเหมือนแม่ทำให้กินก็ยังคงอยู่เช่นกัน หากเอาแนวคิด Farm to table และ แนวคิดของ Comfort food รวมกันแล้ว จะเห็นภาพของ Rustic & Blue- Home grown produce & Artisan food ได้ชัดเจนขึ้น เป็นร้านที่ผนวกแนวคิดการตกแต่งร้านและอาหารให้ไปด้วยกันอย่างกลมกลืน
จานนี้เป็นสลัดมะเขือเทศ เดรสซิ่งที่เห็นสีเข้มๆ เป็นซอสที่ทำจากชา ความสดของมะเขือเทศ ไส้กรอก เดรสซิ่ง ที่เคล้ากันมาอย่างดี ความอร่อยของจานนี้นี่ถึงขั้นกลับบ้านแล้วเพ้อ
คุณมิน เจ้าของร้าน Rustic & Blue เธอเล่าให้ฟังว่า ตอนที่เธอไปเรียนด้านสิ่งทอแคลิฟอเนีย ที่โน่นมักมีเพื่อนไปมาหาสู่ ต้องทำอาหารต้อนรับขับสู้กันเสมอ ด้วยความที่ชอบทำอาหารเป็นทุนอยู่แล้ว และที่โน่นก็มีผู้ผลิต Cheese, Chacuterie (อาหารประเภท ไส้กรอก แฮม) และ ชาเบลนด์ หรือชาที่ผสมสมุนไพร ผลไม้ อื่นๆเข้าไป พอกลับมาที่บ้าน เมื่อเธอคิดจะเปิดร้าน จึงเกิดไอเดียที่จะทำร้านที่ใช้วัตถุดิบท้องถิ่นเพื่อลดการนำเข้า เธอเล่ามาถึงตรงนี้…ฉันคิดว่าเธอทรงพลังมากๆ เพราะ เธอหาวัตถุดิบ เธอทำทุกอย่างเองหมด ทั้ง goat cheese, feta cheese, blue cheese gorgonzola cheese และ เลยเถิดไปถึงการถนอมอาหารพวกเนื้อด้วย ทั้ง chorizo, salami, duck prociutto โอ พระเจ้า นี่ไม่รวมบริหารร้าน ดูแลแขก…รับโล่ผู้หญิงแกร่งไปเลย
ไปลองชิมแบบที่ยังไม่เอามาปรุงตอนที่ร้านไปเปิดบูธที่งาน NAP รสดีทีเดียวค่ะ
Duck Prosciutto จานนี้เด็ด หมดเร็ว อยากกินต้องรีบไปค่ะ
วัตถุดิบนอกเหนือจากนั้นได้แก่ ของสดพวกผักนั้นก็ซื้อที่ตลาดบ้านฮ่อ มีกลุ่มที่เป็น Heirloom บ้าง (หมายถีงพืชผักที่ ไม่ได้ผ่านการผสมหรือดัดแปลงพันธุ์) และ มีอีกส่วนหนึ่งรับมาจากสวนสดุดีที่สันทราย เนื้อสัตว์ส่วนใหญ่ก็มาจากนอร์ทเทิร์นฟาร์ม และเบทาโกร ฉันไปกินที่ร้านนี้ราวๆ 3 ครั้งได้ ทุกครั้งรสชาติออกมาเหมือนกัน หน้าตาเหมือนกัน จัดได้ว่าเธอได้พ่อครัวคู่บารมีที่สเถียรมากๆ เพราะรสแทบไม่แกว่งเลย
บรรยากาศร้านอบอุ่นสบาย
เมนูของร้านมีไม่มากมายนัก สั่งง่ายดีค่ะ จะบอกว่าฉันกินเกือบหมดทุกจานในเมนูแล้ว เพราะไปกับเหล่านักกินทีมชาติ บางจานมีซ้ำด้วย ทั้งนี้ทั้งนั้น ที่ร้านเขาจะมีการปรับเมนูให้เข้ากับฤดูกาลด้วย เพื่อให้ลูกค้าได้รับประทานของที่สดเสมอ
ของทอดกับดิปอร่อยๆ
อาหารแบบที่ร้านนี้เสิร์ฟ เรียกว่า Twisted Farm Food นั่นคือการประยุกต์ comfort food อาหารพื้นๆ บ้านๆ (ของฝรั่ง) นี่แหละเอามาจัดการใหม่ ให้ดูดีและอร่อย โดยใช้วัตถุดิบที่ผลิตในท้องถิ่น นอกเหนือจากอาหารทั้งผนังของที่นี่ยังเรียงรายไปด้วยชารสต่างๆ ที่คุณมินและคณะ ร่วมกันรังสรรค์ ตอนกินจึงได้อิ่มกับอาหารอร่อยและชิมชาเก๋ๆ น้ำผลไม้ ที่ออกแบบหน้าตามาดี๊ดี
แก้วนี้ตัวจริงสวยมาก แต่แสงน้อยไปหน่อย จำไม่ได้แล้วว่าชื่ออะไร
เสาวรส มีไอศกรีมอยู่ในแก้วด้วย
จานหลัก เป็นอาหารที่เบาๆ ไม่หนักมาก (สำหรับฉันคิดว่ามันเบาน่ะค่ะ)
จานนี้เด็ดเหมือนกัน เป็นครัวซองต์ อโวคาโดและไข่น้ำ
คุณมีนเธอบอกกับฉันทิ้งท้ายว่า “หัวใจหลักในการทำงาน คือ การที่เราทำสิ่งที่รัก และ ทุ่มเทกับมัน การสร้างบรรยากาศการทำงานที่สนุกและมีพลังงานเยอะๆให้กับทีมงาน การที่เราสามารถสร้างสรรค์งาน ให้เราสามารถ ตอบแทนผู้ร่วมงานให้เค้าอยู่ทำงานกับเราอย่างมีความสุข” นี่เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ร้านนี้มีลูกค้าทั้งชาวไทยและต่างชาติแวะเวียนมาไม่ได้ขาด
ร้านเปิดทุกวัน 8.30-22.00 น. อยู่ที่นิมมานซอย7 ติดที่จอดรถมังกี้คลับ
โทร 086 654 7178
แผนที่
