เหนื่อยข้ามทะเลใจ…ไปกินทะเลในจานริมแม่น้ำปิง
ปกติเป็นคนไม่ค่อยกินอาหารโรงแรม เพราะคิดว่า อาหารโรงแรมมันชืดเย็นไร้จิตวิญญาณ และชืดเย็นเหลือเกิน มีอยู่ไม่กี่โรงแรมที่ชอบไป และฮอลิเดย์อินน์เป็น 1 ในนั้น หลายครั้งกินเยอะ กินทนจนอิ่มชนิดที่ว่าเจอแบงค์พันตกพื้นนี่ก้มเก็บไม่ได้เลย ขึ้นรถต้องปรับเบาะตรงขับ 40 ตกหลุมมีเคือง ทำนองนั้น แต่ก็ไม่ได้ไปลองชิมมาหลายปี จนกระทั่งช่วงนี้เห็นที่ใครๆ ก็พูดถึง บุฟเฟต์ Seafood Jao ร่ำลือกันว่าราคาหลักร้อย แต่คุณภาพหลักหมื่น และที่สำคัญ กินไปไม่ต้องรีบ เพราะกินได้เรื่อยๆ จนกว่าเขาจะปิด คือ สี่ทุ่มครึ่ง

แดดร่มลมตก นั่งที่ระเบียง ชมวิวน้ำปิง กินหอยสดๆ จิบแชมเปญ …ที่สุดละ
ฉันมารอบนี้เลือกนั่งข้างนอก เพราะฝนเพิ่งตก อากาศดี หญ้าฉ่ำน้ำเขียวสวย ลมเย็นสบาย เลยเลือกหอยนางรมมานั่งกิน หอยหน้าตาสุขภาพดีเรียงรายอยู่บนน้ำแข็ง เมื่อบีบเลมอนนิดๆ แซะๆ หอยให้ออกจากกาบหน่อยให้กินง่าย แล้วดูดหอยเข้าปากไป จะยังได้กลิ่นและรสของน้ำทะเลประแล่มๆ และความหวานของเนื้อหอย แล้วตบด้วยสปาร์กกลิ้งไวน์ (ตัวนี้สั่งมากินนอกเมนูเพื่อเสริมจริต 555) หอยนางรมที่นี่จัดได้ว่าสดมาก ซึ่งหอยนางรมสดแบบนี้จะเอาไปกินกับพวกกระถินและเครื่องแบบไทยก็แลดูจะเสียหอย เพราะถ้าไปกินตามร้านที่ขายแบบ A la carte ก็ตัวละหลายสตางค์
ฟ้ายังไม่มืดดี ไหนๆ ก็กินของสดๆ ดิบๆ มาแล้ว ก็เลยกินปลาต่อไม่ให้เสียคอนเส็ปท์ ครัวเย็นของที่นี่ ดีงามทั้ง หอยนิวซีแลนด์ กุ้ง เอามากินกับน้ำจิ้มซีฟู้ดแซ่บๆ ของนี่ซึ่งเด็ดดวงมากขอบอก อันที่จริงกินหอยนางรมไปหกตัว มาเจอปลาทูน่าเนื้อแน่นๆ และแซลมอนริ้วสวยๆ ลืมไปเลยว่ากินหอยไปหกตัว พยายามบอกตัวเองว่านี่เรายังอยู่ครัวเย็น ยังไม่ได้ข้ามไปครัวร้อน จะมาด่วนอิ่มแขวนส้อมแขวนช้อนก็กระไร หลังจากนั่งริมแม่น้ำแสงเริ่มหายก็เข้ามานั่งด้านในชิม ครัวร้อนกันบ้าง เปลี่ยนจาก สปาร์กลิ้งเป็นไวน์ขาว ให้เข้ากับรสอาหารที่เข้มขึ้น
สิ่งที่ต่างจากสเตชั่นครัวร้อนทั่วไป คือที่นี่ไม่ใช่แบบสาธิตจุ๋มจิ๋ม เพราะทำก็ทำกันจริงจังไปเลย ไม่มีคำว่าอาหารเดมอน พ่อครัวเดินหลังเคาน์เตอร์กันขวักไขว่ทีเดียว ทั้งนี้ก็เพื่อการรองรับออร์เดอร์ของลูกค้า เพราะบุฟเฟต์ Seafood Jao เป็นคอนเซ็ปท์ที่ให้ลูกค้าเลือกอาหารทะเลที่ชอบแล้วก็มาเลือกความต้องการ อยากกินแบบไหนก็ไม่ใช่ปัญหา ทั้งต้ม ปิ้งย่าง ผัด และยังเลือกซอสได้ด้วย ครัวจึงยุ่งกว่าบุฟเฟต์ทั่วไปที่ทำอาหารในปริมาณมากรอ ดังนั้นอยากกินของอร่อยสดใหม่ก็ต้องรอ แต่ในช่วงที่รออาหารทำสด เขาก็มีบุฟเฟต์ไลน์อื่นๆ เป็นอาหารที่ทำไว้แล้ว ให้เราได้กินไปแก้เหงาปาก
ในส่วนของครัวย่างนั้น ก็มีหลายตัวที่น่าสนใจ ทั้งปลา กุ้งและปู แต่ส่วนที่ชอบที่สุดเห็นจะเป็น ปลาย่างใบตอง เป็นเนื้อปลากระพงหั่นขนาดกิน 2 คำหมด กลิ่นหอม นุ่มอร่อยกินแบบไม่ต้องใส่น้ำจิ้มเลย ฟินมาก แนะนำๆๆๆ คือหอยหวานตัวโต๊ว…โต ให้เขาย่างมาสดหวานมาก ที่เหลือก็กินอาหารเบาๆ พวก ปลาย่างซีอิ๊ว เอย ปลาหมึกเอย ปูเอย…ท้ายๆ มานี่ทั้งฉันและโต๊ะอาหาร กลายเป็น Happening Art ไปเลย ทั้งกองอาหารทะเล มือไม้ที่เปื้อนน้ำจิ้ม ไม่รวมอาหารที่ลามปามไปติดที่ผมอีก ไม่ต้องบอกก็รู้นะว่ากินเพลินแค่ไหน555
หลังจากที่แปลงสภาพ โต๊ะอาหารโรงแรมเป็นลานกำจัดอาหารทะเลเข้าท้อง ไปเรียบร้อยแล้ว เดินไปล้างหน้าล้างมือ (แทบจะอาบน้ำ) เพื่อมากินของหวานต่อ อ้าว ไปแป๊บเดียวโต๊ะเอี่ยมอ่องอรทัยเหมือนเดิมตามมาตรฐานโรงแรมค่ะ ที่เขาไม่เก็บตอนที่เห็นแอนกินเพราะเขากลัวว่า ถ้าเก็บแล้วจะโกรธ ไม่แน่ใจว่ากินหมดจานแล้วพวกผักที่ยังเหลืออยู่ในจานจะเอาอยู่ไหม ทำนองนี้ ด้วยความที่ไม่ชอบกินขนมหวาน เลยกินแต่ผลไม้ แต่สมุนที่ไปด้วยบ่นงึมๆ งำๆ ตักอะไรกินก็อู้ ยกอะไรดื่มก็อ้าห์…คือเวอร์วังมาก
แอนแอนด์เดอะแก๊ง ออกจากโรงแรมด้วยพุงที่หนักอึ้งทั้งหมดที่กินไปนี่ ถ้าไปกินร้านน่าจะคนละหลายพันอยู่ ถ้าแก๊งนี้มาอีกเขาคงต้องให้จองล่วงหน้าติดต่อเคบินห้องเย็นเอามาแช่อาหาร ขอพื้นที่สต๊อกเพิ่ม ของไม่พอเก็บ เป็นกลุ่มขุนขยับกับพินาศโดยแท้…
ใครอยากมีประสบการณ์ทะเลหรรษาราคาดีๆ ก็มาที่ฮอลิเดย์อินน์ค่ะ ในราคา 699 บาท net ต่อคน โดยบุฟเฟต์ทะเล เริ่มเปิดอ่าวเวลา 18.30 -22.30 น. เอาอาร์ตเวิร์คโบรชัวร์เขาไปประกอบการตัดสินใจนะคะ ^^