เส้นทางการครัวของเชฟแต่ละคนไม่เหมือนกัน และแต่ละคนก็มีแรงบันดาลใจขับเคลื่อนในการทำงานแตกต่างกันไป หลังจากที่พูดคุยกับเชฟ Pietro D’Agostino แบบบุกครัวแชงกรี-ลา ทำให้เรารู้สึกถึงธรรมชาติของการทำงานด้านอาหารของเชฟ ทั้งการเคลื่อนไหวในครัวอย่างลื่นไหลเป็นธรรมชาติ หรือเมื่อเชฟเดินตลาดมันเหมือนเราเห็นเขาก้าวเข้าไปสู่อีกโลกหนึ่งอย่างเนียนๆ การเริ่มต้นอาชีพเชฟของ Pietro ในวัยเด็กเขาขลุกอยู่กับแม่กับยายในครัวจนเขาตกหลุมรักการทำครัวโดยไม่รู้ตัว ดังนั้นเส้นทางสายอาหารและคำว่าเชฟสำหรับเขา จึงไม่ใช่อาชีพ แต่คือทั้งชีวิตของเขา
การมาเยือน โรงแรมแชงกรี-ลา เชียงใหม่ครั้งนี้ เชฟชาวซิซิลีได้พกพารสชาติ และกลิ่นทะเลเมดิเตอร์เรเนียนมาให้เราสัมผัสด้วย อาหารแต่ละจานทำให้เราเข้าถึงเรียบง่าย มากด้วยรายละเอียดและมาพร้อมกับหน้าตาที่หรูหรา ตาม Concept ของเชฟที่ว่า Luxury of Simplicity ส่วนตัวคิดว่ารสอาหารของเชฟ กินง่ายและเป็นสากลกินได้ทุกเชื้อชาติ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำได้ยากมากที่จะมีจุดอร่อยที่พอดีเหมาะเจาะได้ขนาดนี้ เป็น Comfort Food หน้าตาสวยงาม ที่แอนอยากให้ทุกคนไปลอง
จานแรก
Pomodoro e mozzarella capresse con trucioli di pane, olio al basilico
Tomato and mozzarella caprese Croutons and basil oil。
เป็นซุปมะเขือเทศสดแบบเย็น กินกับชีสมอสซาเรลลานมควาย อารมณ์มันเหมือนเรากิน Capresse แบบน้ำ สดชื่น หอมอร่อยแบบไม่ต้องเคี้ยว มากับ ครูตองขนมปังกรอบที่ทำเป็นแผ่นม้วนมากับจาน ทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นเดรสซิ่งที่ราด ขนมปัง เชฟใช้ Extra Virgin Olive Oil ที่พกมาจากบ้านเองเลยจ้า
จานที่สอง
Gambero al sesamo con pinoli allo zenzero
Sicilian Red prawn, seasame, pine nuts, and ginger
กุ้งสลัดงา เป็นกุ้งแดงที่เดินทางมาจากเมือง มาร์ซาลาที่ซิซิลี เป็นของขึ้นชื่อของที่นั่นด้วย เชฟนำมาทอดไฟอ่อนๆ ด้วย Extra Virgin Olive Oil แล้วเอามาคลุกงา เนื้อเด้งๆ นอนมาบนมาโย่เมล็ดสน และรายล้อมด้วยซอสสามสี คือ แฟนเนล บีทรูทและ แซฟฟรอน
จานที่ 3
Branzino can funghi, patate e pancetta dorata
Wild sea bass mushrooms potato and crispy bacon
เนื้อปลากะพงปรุงรสบดกับเห็ดและมันบดพันด้วยเบคอน มาพร้อมซอสสองสี รสชาติกลมๆ เค็มๆ หอมเบคอนที่พันมา ทั้งเบคอนและปลานั้นรสชาติเข้ากันได้ดีมากๆ
จานที่4
Agnolotti con cernia crostacei e finocchietto selvatico
Crab and grouper ravioli fennel essence
เมื่อเราเจอเชฟอิตาเลียน มื้ออาหารก็ต้องมีพาสต้า พาสต้าราวิโอลีใส้ปลาเก๋า ราดด้วยซอสเฟนเนลที่มีเบสเป็นซุปกุ้งและปู จานนี้กินเร็ว หมดไว เนื้อเกี๊ยวอิตาเลียนฉ่ำด้วยซอสอร่อยมากๆ ชอบความละเอียดของเชฟตรงที่เอาหมึกดำป้ายขอบจาน ตอนแรกนึกว่าแค่ป้ายสวยๆ แต่จริงๆ แล้วเชฟเฉลยว่า ทุกครั้งที่ก้มลงกินจะได้กลิ่นทะเลจากตัวเนื้อปลาแล้วยังได้กลิ่นหอมจากหมึกดำอีกด้วย
จานที่ 5
Stracotto di manzo al vino rosso con carciofi patate e zucca
Slow cooked black Angus beef in red wine artichoke potato and pumpkin
เนื้อตุ๋น 24 ชั่วโมง เชฟบอกว่าไม่ต้องปรุงแต่งมากอาศัยแค่ความใจเย็นและให้ความร้อนค่อยๆ ทำหน้าที่ของมันไปอย่างเต็มที่ จึงได้เนื้อที่นุ่มเหมือนปุยนุ่น เคี้ยวแล้วละลายในปาก จานนี้เด็ดจริงๆ และเซอร์ไพรส์ของมันคือ เมื่อเรากินเสร็จดื่มน้ำ จะมีความหวานชุ่มคอที่ได้มาจากซินนามอน กินเสร็จจึงไม่รู้สึกว่ามีกลิ่นคาวเนื้อติดปาก
ขนมหวาน
cannolo di ricotta con arance e the verde piccante
Ricotta cannoli orange and spicy green tea
คาโนลีถือว่าเป็นขนมสตรีทฟู้ดของอิตาลี ทำมาจากแป้งพาสต้าทำเป็นหลอดๆ ทอดกรอบแล้วเอามาสอดไส้ครีมสดชุบพิสตาชิโอบดหยาบ โรยผงชาเขียวเผ็ด เป็นขนมหวานเบาๆ จะกินให้อร่อยต้องใช้มือหยิบกินถึงจะดี กัดขนมคำ ตักไอศกรีมส้มเข้าปากคำนึง มันดีมากๆ ส่วนอีกจานที่ไม่ได้ถ่ายภาพมา คือ โฮมเมดช็อกโกแลต หรือ Praliné ซึ่งด้านในฉ่ำด้วยมาร์ซิแพน (อัลมอนด์บดละเอียดใส่น้ำตาลและน้ำกุหลาบ) และมีรสเผ็ดของพริกมาเซอร์ไพรส์เราตอนจบ
ดูภาพนิ่งอาจไม่เร้าใจไปดูภาพเคลื่อนไหวด้วย
Michelin Star Chef : Pietro D’Agostino "Mediterranean Flavors"
ชายผู้มากับกลิ่นของทะเล และสายลมแห่งเมดิเตอเรเนียน Pietro D’Agostino Michelin 1 ดาวจากร้าน La Capinera ได้กระทบไหล่เชฟมิชลินจากซิซิลีเมืองในฝัน นี่รู้สึกตื่นเต้นมาก เพราะซิซิลีหรือซิซิเลียเป็นเมืองทีเคยถูกปกครองโดยหลายชาติ ทั้งกรีก โรมัน คาร์เทจ อาหรับ นอร์มัน เยอรมัน ฝรั่งเศส และสเปน และเกาะซิซิเลียเอง ก็มีทั้งทะเล ทั้งภูเขาไฟ พูดแค่นี้นักกินจะรู้ว่าซิซิเลียเป็นเมืองที่ดีงามด้านอาหารและไวน์ขนาดไหน เชฟPietro บอกเราว่าปีๆ หนึ่งมีนักชิมจากเมืองไทยไปที่ร้าน La Capiera เยอะมาก �ก่อนจะมาทำอาหารให้เรากินเชฟก็ไปสำรวจตลาดสดในเชียงใหม่และไปเที่ยวฟาร์ม เพื่อดูภาพรวมของผลผลิตในเชียงใหม่ เชฟตื่นตาตื่นใจกับรกควายแบบต้มและแบบสด เราบอกเชฟว่านี่เป็น Luxury Food ของคนเหนือเลยนะ ถ้าไม่รักกันไม่เรียกกันกิน…แล้วเชฟก็พึมพำว่านึกว่ามีแต่ในหนัง คนกินจริงๆ ด้วย 555555Dinner Preview ในครั้งนี้ มีทั้งหมด 7 จาน ขอบอกว่าอิ่มมาก ดูเหมือนแต่ละจานจะเล็กๆ แต่หนักหนาเอาการอยู่ค่ะ Concept อาหารของเชฟคือ Luxury of Simplicity ส่วนตัวแอนคิดว่ามันเป็นความเรียบยากค่ะ อาหารของเชฟ มีรสกลางที่เราเชื่อว่าคนทั้งโลกกินได้ แต่ในความเป็นรสกลางๆ นั้นกลับยั่วยวนเราด้วยกลิ่นและรสของอาหารที่ไม่ซับซ้อน แต่ทำให้เรารู้สึกอิ่มเอม เพราะทั้งความสวย กลิ่น และรสชาติ มันจู่โจมเราพร้อมๆ กัน ลมเมดิเตอร์เรเนียน กลิ่นทะเล กลิ่นป่า ของซิซิเลีย เชฟนำมาใส่จานให้เราได้กินหมดแล้ว��ติดตามอ่าน รายละเอียดอาหารเร็วๆ นี้อยากลองจองเลย20 – 24 พฤศจิกายน 2562 นี้ ( เพียง 5 วันเท่านั้น)12.00 น. – 14.30 น.1,788++ บาทต่อคน (5 คอร์ส)18.00 น. – 22.00 น.2,188++ บาทต่อคน (7 คอร์ส)สวนริมสระน้ำ บริเวณชั้น 1สำรองที่นั่งด่วนจำนวนจำกัด ที่ (053) 253 888 หรืออีเมลล์ chiangmai@shangri-la.comChef Pietro D'Agostino #Cheftable #Michelinstarchef
โพสต์โดย Go2AskAnne เมื่อ วันอังคารที่ 19 พฤศจิกายน 2019
บรรยายมาถึงบรรทัดนี้แล้วใครอยากมีประสบการณ์ โต้ลมเมดิเตอร์เรเนียนก็มากระทบไหล่ เชฟเปียโทร่ ดากอสทิโน่ (Chef Pietro D’ Agostino) เชฟมิชลินสตาร์ระดับหนึ่งดาว จากห้องอาหาร La Capinera ด้วยกัน
20 – 24 พฤศจิกายน 2562 นี้ ( เพียง 5 วันเท่านั้น)
12.00 น. – 14.30 น.
1,788++ บาทต่อท่าน (5 คอร์ส)
18.00 น. – 22.00 น.
2,188++ บาทต่อท่าน (7 คอร์ส)
สวนริมสระน้ำ บริเวณชั้น 1
สำรองที่นั่งด่วนจำนวนจำกัด ที่ (053) 253 888 หรืออีเมลล์ chiangmai@shangri-la.com