แบกเป้ไปลาวใต้ 1
‘ชีวิตบนเส้นลวดและความหมายของไม้ง่าม’
(ตีพิมพ์แล้วในนิตยสาร Happy +ปี 2555)
มองเวียงจันทน์ผ่านกระจกเครื่องการบินลาวจากเมืองไทยร่อนลงที่สนามบินวัดไต
ฉันเป็นคนที่ใช้ชีวิตสุ่มเสี่ยงตลอดเวลา เพราะเวลาใครชวนไปเที่ยวที่ไหน นอกจากจะใจง่ายแล้วยังไม่ค่อยถามรายละเอียด ครั้งหนึ่งเขาชวนไปเที่ยวน่าน ไม่ฟังให้ดีว่าไปล่องแก่งน้ำว้า เกือบเอาชีวิตไม่รอดจากกระแสน้ำว้าเชี่ยวกรากในฤดูฝน คราวนี้เหมือนกัน เนื่องจากอ้ายอินที เจ้าของ Green Discovery ที่รู้จักกันมาตั้งแต่ไปเที่ยวเวียงจันทน์ หลายต่อหลายครั้ง แกชวนไปเที่ยวลาวใต้ แต่ก็ไม่ได้ถามแกให้ละเอียดว่าไปทำอะไรบ้าง วางแผนคร่าวๆ แล้วก็แบกเป้มาเลย พอมาถึงเวียงจันทน์ เจออ้ายอินทีเปิดวีดีโอ เท่านั้น…หน้าซีดปากสั่นนี่ฉันต้องไปจริงๆ เหรอ….
ปักเซจากมุมสูง…มาถึงปักเซแต่เช้า
แสงพระอาทิตย์ค่อยๆแทรกตัวออกมาจากเมฆที่คลี่ตัวบดบังในยามเช้า เป็นแสงเช้าที่ปราศจากหมอกควันทั้งสวยงาม และสดใส ฉันออกจากเวียงจันทน์มาด้วยความอิ่มเอมและอาหารเต็มท้องมาถึงสนามบินปักเซในยามเช้าตรู่อากาศเย็นสบายผู้คนที่นี่ยิ้มง่าย เมืองปักเซนั้นตั้งอยู่ที่แขวงจำปาสัก หาก มาจากเมืองไทยต้องเข้าทางด่านช่องเม็ก ต่อรถเข้ามา การเดินทางโดยเครื่องบินจะเร็วกว่ามาก และมีเที่ยวบินสลับวันกัน ดังนั้นก่อนมาต้องเช็คเที่ยวบินให้ดี เมื่อได้สัมภาระครบครัน แล้วก็เห็นคนของอ้ายอินทีจากบริษัท Green Discovery Lao ถือป้ายยืนยิ้มเผล่เข้ามาหา
เมื่ออยู่บนรถจึงถือโอกาสซักไซร้ไล่เลียงเสียเลย ว่าเราจะไปไหนกันบ้าง เขาเล่าให้ฟังว่าที่ๆ เราจะไปนั้นคือ ที่ราบสูงโบลาเวน แล้วไปยังคอนพะเพ็ง ตามด้วยดอนคอนหรือสี่พันดอน แล้วไปพักที่จำปาสักเที่ยววัดพู แล้วย้อนกลับมาปักเซขึ้นเครื่องกลับเวียงจันทน์ ออกจะวกไปวนมานิดหน่อย เนื่องจากพี่อินทีเตรียมไกด์ที่ชำนาญไว้และพวกเขาตารางไม่ตรงกันเราก็เออออตามนั้น เพราะจะพาไปไหนก็ว่าตามกันอยู่แล้ว
วิวจากสนามบินปักเซ เขาว่าภูเขาที่เห็นรางๆ นั่นคือ Bolaven Plateau คือที่ๆ ฉันกำลังมุ่งหน้าไป
คำถามแรกจากน้องคนขับรถสุดหล่อคือ “เอี้อยเป็นคนขี้ย่านบ่” ด้วยความกร่างก็ตอบไปว่าเกิดมาเท่าที่รู้ก็ยังไม่เคยกลัวอะไร แต่ตอนนี้หิวมากอยากกินอาหารที่นี่ว่าเป็นยังไง เขาบอกว่ามีร้านเฝอเนื้อแซ่บหลายอยู่แคมโขง (ริมโขง) คำถามต่อมาคือ ใส่แป้งนัวบ่ น้องหัวเราะตอบมาว่า คนที่นี่ไม่กินแป้งนัวกันหรอก ทำให้ฉันเบาใจไปได้ เมื่อมาถึงร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อคนพลุกพล่านในเวลาเช้าๆ ก็ให้คิดว่า คงจะต้องอร่อยสมคำล่ำลือ แต่สิ่งที่ทำให้ถอยร่นออกมาคือกลิ่นของผงปรุงรส มันจะเป็นอะไรไปไม่ได้มันคือกลิ่นรสดีนั่นเอง พี่เล่นใส่ในหม้อ และดิสเพลย์เป็นกาละมังพูนเป็นภูเขาให้ตักตามชอบกันทีเดียว ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าเขามีชีวิตกันอย่างไรก่อนหน้าที่ผงชูรสและผงปรุงรสจะมายึดอำนาจในครัว ฉันจึงจำต้องหยุดอาการตามใจปากไว้แต่เพียงเท่านี้ ขึ้นรถแล้วไปต่อ
ระหว่างการเดินทางไปปากซอง
น้องชายขับพามาที่ออฟฟิศ Green Discovery Lao ที่เตรียมอธิบายเรื่องการเดินทาง ซึ่งในครั้งนี้เรามีจุดมุ่งหมายที่ Tree Tops โรงแรมต้นไม้ ที่โอบล้อมด้วยน้ำตกและผาสูง ตั้งอยู่ในบริเวณป่าสงวนของที่ราบสูงโบลาเวน ชาวไทยนิยมมาเดินป่ากันในฤดูหนาวเพราะในฤดูฝนค่อนข้างชื้นแฉะ และได้รับมิตรภาพที่ไม่สวยงามนักจากทากเจ้าถิ่น สำหรับเส้นทางในการไปโรงแรมต้นไม้นั้นไปฤดูไหนก็ไม่น่าจะมีปัญหา เพราะการเดินทางเข้าไปน่ะหรือ มันคือการโหนสลิงประกอบกับการเดินเท้าเพียงเล็กน้อย ดูจากวีดีโอแล้ว ต้องโหนผ่านหน้าผา ผ่านน้ำตก กล้องซูมภาพออกมองจากไกลๆ เหลือคนตัวจิ๊ดเดียวถ้าร่วงลงไปนะหรือ…ไม่อยากจะคิด คนที่หวาดกลัวความสูงอย่างฉันนะรึจะรอดไปได้มีหวังตายตั้งแต่ด่านแรก ไหนๆก็ไหนๆ จึงถามน้องไปว่าเป็นไปได้ไหมถ้าจะเดินไป คำตอบคือได้แต่ไม่มีใครเดินด้วยเพราะมันไกลและชันมากหากเดินต้องใช้เวลาเป็นวัน แต่โหน ใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมง และแล้วคนที่”บ่ย่าน” อะไรในโลกเริ่มหาข้อแก้ตัว เอ่อ น้องคะเอื้อยคงไปไม่ได้ เอ่อน้องเอื้อยเป็นโรคหัวใจ เอื้อยเป็นโรคไซนัส เอ้อ…เอื้อยเป็น… ไม่ทันที่เหตุผลต่างๆจะประดังประเดออกมา เขาก็พาขึ้นรถแล้วบอกว่า “เอื้อยบ่ต้องย่าน แม่อ้ายอินทีเจ้าของบริษัทอายุเจ็ดสิบกว่า พอขึ้นสลิงปุ๊บก็ฟ้อนผ่านน้ำตกไปเลย” ขนาดนั้นเลยเหรอ……..โอ้แม่เจ้า
ร้านขายของชำและผลไม้หน้าหมู่บ้านหนองหลวง
จะเพื่อสนองความต้องการของเจ้าของบริษัททัวร์ หรือจริงๆ ลึกๆ แล้วฉันเป็นมาโซคิสก็ไม่ทราบ ฉันนั่งรถตามเขาไปอย่างหน้าซื่อตาใส โดยที่มุ่งหน้าไปยังปากซอง เมืองผลิตกาแฟชื่อดังของลาว มีคนเคยบอกฉันว่ากาแฟที่ลาวเป็นกาแฟพันธุ์ดึกดำบรรพ์ รสชาติเข้มข้น นักค้าน้ำดำหลายๆ คนก็อยากลองมาดูแหล่งผลิตที่นี่สักครั้ง นับว่าฉันโชคดีทีเดียว เราจอดที่หมู่บ้านหนองหลวง แล้วหัวหน้าทัวร์ก็สาธิตการใช้อุปกรณ์ตะขอต่างๆ ซึ่งต้องตั้งใจฟังให้ดีเพราะหากพลาดนั่นหมายถึงสวัสดิภาพของตัวเราเอง แต่ยังไม่ได้บอกว่าทำไมจึงแจกไม้ง่ามให้กับเราด้วยเพียงแต่กำชับว่าให้รักษาให้ดี จากนั้นเราจึงออกเดินผ่านหมู่บ้าน ทุกหลังตากเมล็ดกาแฟไว้ที่บ้าน เป็นอุตสาหกรรมในครัวเรือนเล็กๆ
มนุษย์อุปกรณ์ เตรียมพร้อมเดิน
ทีมของเรามีทั้งหมดสี่คน รวมไกด์อีกสามคน พากันลัดเลาะตัดหมู่บ้านไป เดินไปเรื่อยๆ ผ่านป่าดิบชื้นและทุ่งหญ้าสะวันน่าเป็นป่าลักษณะคล้ายๆ ที่ยอดกิ่วแม่ปานดอยอินทนนท์ จากบริเวณนั้นเราก็พบกับบทเรียนที่หนึ่ง เป็นสะพานไม่มีเชือกร้อยสองข้าง มีเชือกป่านเส้นใหญ่ขึงเป็นราว เหนือหัวเป็นราวซ้ายขวา ด้านล่างเป็นน้ำตก สูงประมาณคนต่อกันสองคน เราต้องหัดใช้ตะขอให้เคยชินในการเดิน แล้วจึงได้ทานอาหารเที่ยง บนโตรกน้ำตกเป็นหน้าผาใหญ่ มองเห็นท้องฟ้าและภูเขาสลับซับซ้อนไปสุดลูกหูลูกตา เมื่ออิ่มก็ออกเดินต่อพอเมื่อยกำลังได้ที่เราก็เจอบทเรียนบทที่สอง…
เดินตัดบ้านชาวบ้านปลูกกาแฟ กำลังล้างเมล็ด
อาหารเที่ยง ประกอบด้วยแจ่วหมากเลน (น้ำพริกมะเขือเทศ) เนื้อทอด ส้มผัก ห่อหมกแบบลาว
บรรยากาศเหมือนอยู่กิ่วแม่ปานดอยอินทนนท์ ในความร้อนและแห้ง มีต้นนี่แหละเขียวชุ่มๆ เป็นแพอยู่ทั่วๆไป
คุณเคยเป็นไหมในเวลาตั้งใจจะทำอะไรที่น่ากลัวสักอย่างและคุณคิดว่าคุณได้ทำไปแล้วในขณะที่คุณยังอยู่ที่เดิม สิ่งนั้นเกิดขึ้นกับฉัน ฉันไม่รู้ว่านั่งอยู่บนขอบไม้นั้นนานเท่าไหร่ จนได้ยินเสียงตะโกนให้กระโดดอีกครั้ง ฉันสะดุ้งเพราะฉันคิดว่าฉันได้ไปถึงจุดหมายแล้วด้วยซ้ำ ด้วยความที่ไม่อยากถ่วงเพื่อนร่วมทางฉันจึงตัดสินใจโถมตัวลงสู่เบื้องล่าง เมื่อร่างกายพ้นจากความมั่นคงของสิ่งปลูกสร้าง ทิ้งน้ำหนักไว้บนรอกที่เชื่อมกับเชือกหนึ่งเส้นและตะขอสองตัวไหลปราดไปตามแรงเหวี่ยงของน้ำหนัก ฉันปล่อยให้ร่างกายหมุนไปตามแรงเหวี่ยง มีความรู้สึกเบา สบายเหมือนฉันได้ทิ้งอะไรบางอย่างไว้ด้านหลัง สิ่งนั้นคือความกลัวนั่นเอง ไม่น่าเชื่อว่าความสูงที่กลัวมาตลอดชีวิตจะมลายหายไปกับการโหนสลิงเพียงร้อยห้าสิบเมตร อีกสิ่งหนึ่งที่คู่กับการโหนสลิง คือไม้ง่ามที่แจกมาตอนต้น เราต้องไม่ทำไม้ง่ามหายเพราะนั่นคืออุปกรณ์ในการเบรค ชะลอ ผ่อนสั้น ผ่อนยาว การนำไม้ง่ามไปวางไว้ด้านหน้าของรอกเป็นบางครั้งนั่นคือการชะลอและกำกับทิศทาง ส่วนการวางไม้ง่ามเกี่ยวด้านหลังรอกคือการหยุดและชะลอความเร็ว เพื่อไม่ให้บาดเจ็บเมื่อถึงฐานอีกฐานหนึ่ง
วิธีการใช้ไม้ง่าม
‘หากการใช้ชีวิตที่ปล่อยไปเหมือนที่เราปล่อยร่างกายล่องลอยไปบนเส้นลวดปล่อยใจกับความสวยงามของทัศนียภาพ โดยไม่มีการกำกับทิศทางของมัน เมื่อเราต้องร่อนผ่านด่านที่มีอุปสรรคเป็นต้นไม้ ระหว่างทางเราก็อาจจะได้รับบาดเจ็บ แต่หากเราใช้ไม้ง่ามหยุดตลอดเวลา นั่นคือเราอาจจะต้องลอยเท้งเต้งอยู่กลางเวหา เดือดร้อนไกด์จะต้องไต่เชือกไปให้ถึงเพื่อโหนสลิงกลับมาด้วยกัน มันคือความพอดีในการรู้จักผ่อน เร่งความเร็วในชีวิตโดยที่ไม่สูญเสียสุนทรียในการดำรงชีวิต การมาโหนสลิงนั้นทำให้ฉันค้นพบความหมายของไม้ง่ามที่ดูไม่มีความหมายอะไรเลยในตอนแรก แต่กลับเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด’
ไกด์นิสัยดีน่ารักมากๆ
เราโหนสลิงประมาณ 8 ฐานสลับกับเดิน ส่วนที่ยาวที่สุดมีความยาวประมาณ 400 เมตร สำหรับเด็กหรือคนที่มีน้ำหนักน้อยอาจจะต้องพึ่งไกด์ที่จะพาไปด้วยเนื่องจากน้ำหนักไม่พียงพอที่จะสร้างแรงเหวี่ยงให้ไปถึงจุดหมายอีกฐานหนึ่งได้ ส่วนที่ยาวที่สุดนี่เองเป็นส่วนที่สวยที่สุด เพราะนานพอที่จะทำให้เราเห็นทัศนียภาพได้อย่างละเอียด เห็นแดดยามเย็นไล้หน้าผา เห็นนกในระดับสายตา ผ่านม่านน้ำตกผืนใหญ่ของตาดหัวสาวที่สาดน้ำเป็นฟองฝอย
ตอนที่เดินครึ่งทางเราอยู่ชั้นบนสุดของน้ำตก เวลามีคนโหนสลิงผ่าน จะเห็นเป็นแค่จุดเล็กๆ ที่น้ำตกเท่านั้นเอง
ด้านล่างเป็นน้ำตก เป็นการโหนในระยะที่ค่อนข้างยาว
เห็นคนเล็กๆมุมขวาล่าง อิๆๆๆ
โรงแรมของเราคืนนี้ ไม่มีบันได มีทางเดียวแบกเป้แล้วโหนเข้าไป
มุมจิบกาแฟ มองออกไปเป็นฉากน้ำตกผืนใหญ่
ที่นอน มีถุงนอนบางๆให้ ช่วงที่ไปเป็นฤดูนาว โชคดีที่มีถุงนอนมาด้วย เลยนอนอุ่นสบาย
ห้องน้ำ นั่งสบ๊าย…สบาย
อาหารเย็น ที่ไม่มีใครคุยกับใคร คือหิวกันมาก….
กินอิ่มนอนอุ่น เช้าเขาก็มี อาหารเช้าแบบคอนติเนตัล อันประกอบด้วย ไข่เจียว ผลไม้ ขนมปังฝรั่งเศส กับชีสยอดฮิตวัวแดงร่าเริง หรือ Le Vache qui rit
กว่าจะมาถึงโรงแรมที่พักก็เล่นเอาเกือบเย็น แต่ละห้องอยู่บนต้นไม้ มุงจาก มีผนังครึ่งเดียวให้รับลมจากภูเขา มีเตียงนอนมุ้ง ห้องนั่งเล่นชมวิวและห้องน้ำเฉพาะปลดทุกข์ในตัววิธีการเข้าห้องก็โหนเข้าชนิดไม่ให้หลุดคอนเส็ปท์ ด้านล่างจัดสรรได้อย่างกลมกลืนกับธรรมชาติมีห้องน้ำและห้องอาบน้ำโรงครัวและพื้นที่รับประทานอาหาร ในขณะที่รอ แม่ครัวทำอาหาร สมาชิกไปเล่นน้ำตก ฉันถ่ายรูปจนหนำใจแล้วจึงมานั่งวาดรูปเล่นกลางคืนที่โบลาเวนนี้ หนาว สงัด ได้ยินเสียงน้ำตก กลิ่นชื้นทว่าสดชื่นลอยมากับอากาศเป็นระยะๆ
ฉันนอนไม่หลับ จึงเอาสมุดวาดเขียนที่สเก็ตช์เก็บภาพประทับใจมาเปิดดูเพลินๆ รูปที่ฉันวาดคือรูปน้ำตกและ…….ไม้ง่าม
Tips for the Trip
การเดินทาง
ด้วยสายการบินลาว กรุงเทพฯ- ปักเซ
หรือจากเชียงใหม่ หลวงพระบาง- เวียงจันทน์-ปักเซ เช็คไฟลท์ได้ที่ www.laoairlines.com
เดินทางด้วยรถโดยสาร จากหมอชิต-ไปอุบล- ปักเซ(สายนี้มีสองรอบ 9.30 และ 15.30 น.)
หาก ต้องการทริปที่สะดวกสบาย ติดต่อ บริษัท Green Discovery ผู้เชี่ยวชาญเรื่องการวางแผนท่องเที่ยวโดยเฉพาะลาวใต้ www.greendiscoverylaos.com โทร +856-21-264 528, Tel/Fax: +856-21-218 373